วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

โครงงาน

บทที่ 1
ชื่อโครงการ
เครื่องปั้นไฟพลังงานน้ำด้วยจานแม่เหล็กรถจักรยายนต์

ที่ปรึกษาโครงการ
ครูธรรมนูญ บุญชู
ครูสุชาติ สุวรรณโมกข์
ครูอนุชิต เพียรแก้ว

ผู้รับผิดชอบโครงการ
นาย อังคาร เพชรมาตรศรี
นาย ชูเกยรติ กุ้งทอง
นาย สุวัฒน์ สุดวิลัย
นาย ภูวนัตถ์ จันทร์เมืองไทย

ระยะเวลาดำเนินงาน
ภาคเรียนทที่ 1 ปีการศึกษา 2553



หลักการและเหตุผล
เนื่องจากปัจจุบันถือว่าไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งถือว่าเป็นการดำรงชีวิตประจำวันของคนเราไปแล้ว และไฟฟ้าที่ใช่กันในประจุบัน ก็ได้มาจากการผลิตที่แตกต่างกันไป เช่นการผลิตจากถ่านหิน น้ำมัน เป็นต้นซึงการผลิตไฟฟ้านั้นทำให้เกิดมลพิษทางธรรมชาติ และสิ้นเปลืองพลังงานมากมาย จึงมีการรณรงค์ให้มี การใช้พลังงานทดแทนกันมากขึ้น เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า แต่ปริมาณไฟฟ้าที่ใช้งานกันนั้นมีเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กลุ่มของกระผมจึงได้คิดประดิษฐ์ เครื่องปั้นไฟพลังงานน้ำขึ้น เพื่อนำไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นมานั้นมาใช้ในครัวเรือน เพื่อลดประมาณเชื้อเพลิงต่าง ๆ ที่สูญเลียไปในการผลิตกระแสไฟฟ้าทั่วไฟ

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1 เพื่อเพิ่มทักษะในการปฏิบัติงาน
2 เพื่อเป็นเครื่องต้นแบบในการผลิตกระแสไฟฟ้า
3 เพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั่วไป
ความสำคัญและที่มาโครงงาน

ขอบเขตของและความสามารถของโครงการ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
เพื่อทดลองพลังงานที่กำลังจะหมดไป


งบประมาณ
รายการอุปกรณ์
ลำดับที่ รายการอุปกรณ์ จำนวน หน่วยละ รวม
1 แบตเตอรี่12V 50A 1 ลูก 2220 2220
2 อินเวอร์เตอร์12VDC220AC1800W 1 ตัว 1550 1550

3 คอยแสง Honda Dream 100 4 อัน 120 480
4 จานแม่เหล็ก Honda Dream 100 2 อัน 300 600
5 โวล์วมิเตอร์ AC/DC 2 อัน 300 600
6 สาย VTT 2x4 4 เมตร 40 160
7 เหล็กฉาก 10 เมตร 42 420
8 น๊อตเบอร์ 10 1 โล 80 80
9 ใบพัด คอยเย็นแอร์บ้าน พร้อมลูกปืน 1 ชุด 500 500
10 ท่อ PVC 1 นิ้ว 1 เส้น 40 40
11 ท่อ PVC 6 หุ้น 1 เส้น 40 40
12 แอมป์มิเตอร์ 1 ตัว 500 400
13 ดอกสว่าน 10 มิล 3 ดอก 40 120
14 แผ่นอคีลิก 5 มิล 4 ตร.ฟุต 70 280
15 อะลูมิเนียมฉาก 6 เมตร 40 240
16 ชุดจัดเรียงกระแส AC เป็น DC 1 เมตร 380 380
17 ตู้คอนโทนพร้อมอุปกรณ์ครบคุม 1 ชุด 1400 1400
18 ปากคีบขั้วแบตเตอร์รี่ 2 อัน 40 80
19 กระดาษอัด 10 มิล 1 แผ่น 650 650
20 ท่อหด 5 เมตร 10 เส้น 20 200
รวม 10520





บทที่ 2
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ในการประดิษฐ์กังหันลมผลิตไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง กลุ่มของกระผมได้ไปศึกษาและค้นคว้าทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์กังหันลมผลิตไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง มีดังต่อไปนี้
1. กังหันลม
2. ข้อมูลอัตราทดของมอเตอร์
3. เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
4. แบตเตอรี่
5. พลังงานน้ำ
6. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
7. แม่เหล็กและแม่เหล็กไฟฟ้า














1.กังหันลม

การจำแนกชนิดของกังหันลม มี 2 วิธี กล่าวคือ
1. การจำแนกตามลักษณะแนวแกนหมุนของกังหัน จำแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ กังหันลมที่มีแกนหมุนในแนวแกนนอน และกังหันลมที่มีแกนหมุนใน แกนแนวตั้ง
2. การจำแนกตามลักษณะแรงขับที่กระแสลมกระทำต่อใบกังหัน มี 2 แบบ คือ การขับด้วยแรงยก (Lift force) และ การขับด้วยแรงฉุดหรือแรงหน่วง (Drag force)



ส่วนประกอบของระบบกังหันสำหรับผลิตไฟฟ้าแบ่งได้ดังนี้
1. ใบพัด เป็นตัวรับพลังลมและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานกล ซึ่งยึดติดกับชุดแกนหมุนและส่งแรงจากแกนหมุนไปยังเพลาแกนหมุน
2. เพลาแกนหมุน ซึ่งรับแรงจากแกนหมุนใบพัด และส่งผ่านระบบกำลัง เพื่อหมุนและปั่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
3. ห้องส่งกำลัง ซึ่งเป็นระบบปรับเปลี่ยนและควบคุมความเร็วในการหมุน ระหว่างเพลาแกนหมุนกับเพลาของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
4. ห้องเครื่อง ซึ่งมีขนาดใหญ่และมีความสำคัญต่อกังหันลม ใช้บรรจุระบบต่างๆ ของกังหันลม เช่น ระบบเกียร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เบรก และระบบควบคุม
5. เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า

6. ระบบควบคุมไฟฟ้า ซึ่งใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัวควบคุมการทำงาน และจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ
7 . ระบบเบรก เป็นระบบกลไกเพื่อใช้ควบคุมการหยุดหมุนของใบพัดและเพลาแกนหมุนของกังหัน เมื่อได้รับความเร็วลมเกินความสามารถของกังหัน ที่จะรับได้ และในระหว่างการซ่อมบำรุงรักษา
8 . เครื่องวัดความเร็วลมและทิศทางลม ซึ่งเชื่อมต่อสายสัญญาณเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นตัวชี้ขนาดของความเร็วและทิศทางของลม เพื่อที่คอมพิวเตอร์จะได้ควบคุมกลไกอื่นๆ ได้ถูกต้อง

กังหันกับการผลิตไฟฟ้า
หลักการทำงานของกังหันผลิตไฟฟ้านั้น เมื่อมีน้ำผ่านใบกังหัน พลังงานจลน์ที่เกิดจากน้ำจะ ทำให้ใบพัดของกังหันเกิดการหมุน และได้เป็นพลังงานกลออกมา พลังงานกลจากแกนหมุนของกังหันน้ำจะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เชื่อมต่ออยู่กับแกนหมุนของกังหันน้ำ จ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านระบบควบคุมไฟฟ้า และจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบต่อไป โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จะขึ้นอยู่กับความเร็วของน้ำ และสถานที่ติดตั้งกังหันน้ำ

กังหันน้ำกับการใช้งาน
เนื่องจากความไม่สม่ำเสมอของความเร็วน้ำที่แปรผันตามธรรมชาติ และความต้องการพลังงานที่สม่ำเสมอเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว จะต้องมีตัวกักเก็บพลังงาน ถ้าเป็นกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมักนิยมใช้แบตเตอรี่เป็นตัวกักเก็บ



2.ข้อมูลอัตราการทดเกียร์ของมอเตอร์ falcon กับใบพัด GWS (TD)
การเลือกอัตราทดเกียร์มอเตอร์ Falcon กับใบพัด
หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานมอเตอร์ Falcon ทดเกียร์ใส่ใบพัดแล้ว พบว่าได้ผลดี เลยคิดว่าแทนที่ต่างคนต่างจะนั่งทดกัน ผมเลยลองเอา motoal ช่วยทำนายดู หากใครเอาไปทดลองแล้วได้ผลอย่างไรก็แจ้งให้กันทราบบ้างครับแสดงหน้าต่างที่ผมใส่ค่าต่างๆ สำหรับการทำนาย โดยจุดที่จะเปลี่ยนไปคือ ขนาดใบพัด นอกนั้นเหมือนเดิมหมดครับโดยผมได้แสดงกราฟระหว่างอัตราทดต่างๆ (GR) ตั้งแต่ 1-8 สำหรับใบพัดแต่ละรุ่น เพื่อดูค่า Trust กับ ประสิทธิภาพของมอเตอร์ โดยกราฟน้ำเงินจะแสดง Trust ส่วนสีแดงจะแสดงกระแสของมอเตอร์ โดยค่าที่แสดงนี้เป็น static หรือขณะอยู่กับที่ขยายความสักนิดเพราะมีน้องๆ บ่นมาว่าไม่รู้เรื่อง อัตราทด (แกนนอน) เป็นอัตราเกียร์ที่จะทดครับ ขึ้นอยู่กับจำฟันเฟืองที่เราเลือกใช้ เช่น ใช้เฟืองขับ (ติดที่มอเตอร์) 12 และหากใช้เฟืองตาม (ที่ติดแกนหมุนใบพัด) 36 ก็จะได้ gear ration (GR) เป็น 36/12 = 3 ครับ ส่วนอัตราอื่นๆ ก็คิดแบบเดียวกัน Trust (แกนตั้งด้านขวา) ก็คือค่าแรงฉุดที่ได้จากการทดเกียร์ ณ อัตราทดต่างๆ กัน มีหน่วยเป็น oz. (1 oz = 28.35g) หากค่านี้มีมาก ก็แสดงว่ามีแรงฉุดมากครับ กระแสมอเตอร์ (แกนตั้งด้านซ้าย) คือ แสดงการใช้กระแสของมอเตอร์ ว่ามากน้อยแค่ไหน
ตัวอย่าเช่นใบ 0706 ตามการทำนายจะพบว่าที่อัตรทดราว 2.5-2.75 จะให้ Trust สูงสุด แต่มอเตอร์จะมีประสิทธิภาพสูงสุดที่อัตราทดราว 5.5 ซึ่งเราคงไม่ต้องการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่คงอยากได้ Trust ที่สูงที่สุด ในขณะที่ได้ประสิทธิภาพของมอเตอร์พอสมควร (คือขอบินให้แรง และบินได้นานหน่อยนั้นเอง) ผมว่าจุดที่ optimum น่าจะเป็นอัตราทดประมาณ 3 คือได้ Trust ราว 3.2 oz แต่หากอยากได้แรงสุดๆ ก็ทดที่ 2.5 หรือ 2.75 ไปเลย
หากเปรียบเทียบระหว่างใบเล็ก กับใบใหญ่ จะเห็นว่าใบใหญ่จะให้แรงฉุดที่ดีกว่า และต้องทดด้วย GR ที่สูงขึ้นด้วย เปรียบเหมือนกับรถยนต์ที่วิ่งเกียร์ต่ำๆ นะแหละครับ มีแรงออกตัวฉุดดี แต่วิ่งไม่เร็ว หากเราเลือกที่จะทำพวก slow fly ก็ไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะมือใหม่ หัดบิน บินช้าแต่แรงฉุดเยอะไว้ก่อนดีกว่า
ตารางสรุปแรงฉุดที่ดีที่สุด (จากการทำนาย)
ขนาดใบพัด GWS อัตราทดที่แรงสุด แรงฉุดที่ได้ กรัม. กระแสที่ใช้ แอมป์
7x6 2.50-2.75 90 2.5
8x6 3.00-3.25 103 2.5
9x7 3.50-4.25 115 2.8-2.3
9x4.7 3.25-3.50 130 2.7-2.4
10x8 4.5-4.75 128 2.6-2.4
10x4.7 3.75-4.00 148 2.6-2.5
11x8 5.00-5.5 145 2.7-2.5





3.เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับแปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน ว่าเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะได้ไฟฟ้าออกมา
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะประกอบด้วยส่วนที่สำคัญสองส่วนคือ ส่วนที่สร้างสนามแม่เหล็ก เรียกกว่า ฟิลด์ และส่วนที่สร้างแรงดันไฟฟ้าเรียกว่าอาเมเจอร์
ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง ฟิลด์จะเป็นส่วนที่อยู่กับที่ อาเมเจอร์จะเป็นส่วนที่เคลื่อนที่ แต่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ฟิลด์และอาเมเจอร์ สามารถเป็นได้ทั้งส่วนที่อยู่กับที่และส่วนที่หมุนโดยในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก จะสามารถสร้างได้ทั้งแบบฟิลด์และอาเมเจอร์หมุน แต่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ จะสร้างได้แต่แบบอาเมเจอร์อยู่กับที่เท่านั้น เพราะจะมีปัญหาน้อยกว่า แรงดันที่เกิดขึ้นในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญสองตัวคือ ความเร็วรอบและเส้นแรงแม่เหล็ก
ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรงเราสามารถเพิ่มแรงดันไฟฟ้าขึ้นได้โดย การปรับความเข้มของสนามแม่เหล็ก และเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องกำเนิด แต่ในเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับการเพิ่มแรงดันโดยการเพิ่มความเร็วไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะจะทำให้ความถี่ของแรงดันไฟฟ้าที่ได้เปลี่ยนแปลงไป สามรถทำได้เพียงการปรับความเข้มของสนามแม่เหล็กเท่านั้น

หลักการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นเครื่องกลที่สามารถเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัยการ
หมุนของขดลวดตัดสนามแม่เหล็ก หรือการหมุนสนามแม่เหล็กตัดขดลวด

ลักษณะทั่วไปของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำแนกออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ชนิด คือ
- เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternator)
- เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรง (Dynamo)

ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ
เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับประกอบด้วยส่วนใหญ่ ๆ 2 ส่วน คือ
2.1. เครื่องต้นกำลัง เป็นส่วนที่ผลิตพลังงานกลขึ้นมา เพื่อหมุนเพลาของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เช่น
- กังหันน้ำ ได้แก่ เขื่อนต่าง ๆ
- กังหันไอน้ำ ได้แก่ การนำเอาน้ำมาทำให้เกิดความร้อนแล้วนำเอาไอน้ำไปใช้งาน
- กังหันแก๊ส มีแบบใช้น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซลเพราะราคาถูก

2.2. Generator เป็นตัวผลิตพลังงานไฟฟ้า โดยหลักการเหนี่ยวนำของแม่เหล็ก
2.2.1 แบบทุ่นหมุน Revolving Armature Type (Ra Type)
แบบนี้ใช้วิธีหมุนขดลวดทองแดงที่พันอยู่บนแกนเพลาหมุนตัดผ่านเส้นแรงแม่เหล็กที่อยู่บนเปลือกทำให้เกิดไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นที่ปลายขดลวดทองแดง นำเอาแรงดันไฟฟ้านี้ไปใช้งานโดยผ่าน Slip Ring (วงแหวนทองเหลือง) และแปรงถ่าน ขั้วแม่เหล็กที่จะทำให้เกิดไฟฟ้าเหนี่ยวนำนี้ ไม่ไ ด้เป็นแม่เหล็กถาวรหรือแม่เหล็กธรรมชาติที่มีความเข้มของสนามแม่เหล็กคงที่ แต่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรงป้อนผ่านขดลวดทองแดงที่พันรอบแกนเหล็กอ่อน เพื่อทำให้เกิดแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้น ปริมาณของไฟฟ้ากระแสตรงนี้จึงสามารถควบคุมปริมาณแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับได้ โดยการเพิ่มหรือลดปริมาณของไฟฟ้ากระแสตรง

2.2.2 แบบขั้นแม่เหล็กหมุน Revolving Field Type (Rf Type)
แบบนี้ใช้วิธีหมุนขั้วแม่เหล็กที่อยู่บนเพลา ทำให้เส้นแรงแม่เหล็กตัดผ่านขดลวดทองแดงที่พันติดอยู่บนเปลือก ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าบนปลายขดลวดทองแดง แบบนี้ไม่ต้องมี Slip Ring และแปรงถ่าน เพื่อนำแรงดันไฟฟ้าไปใช้งาน แต่มีแปรงถ่านและ Slip Ring ต่อกับขดลวดทองแดง ที่พันอยู่บนแกนแม่เหล็ก เพื่อใช้สำหรับป้อนไฟฟ้ากระแสตรงไปเลี้ยงขดลวดทองแดง เพื่อสร้างความเข้มของสนามแม่เหล็ก

2.2.3 แบบไม่มีแปรงถ่าน Brushless Type (Bl Type)
แบบนี้แบ่งตามขั้นตอนการทำงานออกเป็นส่วน ๆ ได้ 4 ส่วน คือ
ก. Exciter ประกอบด้วย
- Exciter Field Coil เป็นขดลวดที่ทำให้เกิดแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำจะติดอยู่กับส่วนที่อยู่กับที่
- Exciter Armature เป็นชุดที่ประกอบด้วยขดลวดที่จะถูกทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ โดยเป็นส่วนที่ติดอยู่กับเพลาและหมุนไปพร้อมกับเพลากระแสที่เกิดขึ้นใน Exciter Armature จะเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส
ข. Rotating Rectifier จะติดอยู่บนเพลาจึงหมุนตามเพลาไปด้วย มีหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าสลับที่เกิดจาก Exciter Armature ให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง
ค. Main Generatorเป็นส่วนที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อออกไปใช้งานจริง ประกอบด้วย
จ. - Rotating Field Coil เป็นขดลวดที่พันรอบแกนเหล็กที่ติดกับเพลาเพื่อทำให้เหล็กกลายเป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า โดยได้รับไฟฟ้ากระแสตรงที่ป้อนมาจากRotating Rectifier - Stator Coil (Alternator Armature)
เป็นขดลวดที่จะถูกทำให้เกิดไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นและจ่ายกระแสไฟฟ้าสลับออกไปใช้งาน
ช. Automatic Voltage Regulator (A.V.R.)
เป็นชุดควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่นำไปใช้งานให้คงที่ ซึ่งเป็นการทำงานควบคุมอย่างอัตโนมัติ หลักการทำงานของ A.V.R. เป็นการนำกระแสสลับที่เกิดจาก Stator Coil มาแปลงเป็นกระแสตรง จ่ายเข้า Exciter Field Coil โดยปริมาณกระแสตรงจะมีการควบคุมให้มากหรือน้อยตามสภาพการณ์ของแรงดันไฟฟ้าจาก Stator Coil โดยเป็นไปอย่างอัตโนมัติ



4.แบตเตอรี่
ในทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แบตเตอรี่ (อังกฤษ: battery) หมายถึงอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ใช้เก็บพลังงาน และนำมาใช้ได้ในรูปของไฟฟ้า แบตเตอรี่นั้นประกอบด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าเคมี เช่น เซลล์กัลวานิก หรือเซลล์เชื้อเพลิง อย่างน้อยหนึ่งเซลล์
เชื่อกันว่าหลักฐานชิ้นแรกสุดที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ในประวัติศาสตร์โลก คือ วัตถุที่เรียกว่าแบตเตอรี่แบกแดด (Baghdad Battery) คาดว่ามีอายุในช่วง 250 ปีก่อนคริสตกาล ถึงคริสต์ศักราช 640 สำหรับพัฒนาการของแบตเตอรี่ในยุคใหม่นั้น เริ่มต้นที่ ที่พัฒนาขึ้นโดยนักฟิสิกส์ชาวอิตาลี นามว่าอาเลสซานโดร โวลตา เมื่อ ค.ศ. 1800 ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ทั่วโลกสามารถสร้างรายได้จากการขายปีละ 4.8 หมื่นล้านดอลาร์สหรัฐเลยทีเดียว

โครงสร้างของแบตเตอรี่
1. แบตเตอรี่แห้ง (Dry Cell)
วัตถุดิบที่ใช้เป็นขั้วลบ คือ กระบอกสังกะสี ใช้สังกะสีก้อนมาทำการหลอมละลาย ผ่านเครื่องรีดให้เป็นสังกะสีแผ่น นำไปผ่านเครื่องตัดให้ได้สังกะสีตามขนาดที่ต้องการ และนำไปปั๊มให้ขึ้นรูปเป็นกระบอกสังกะสีใช้เป็นขั้วลบ
วัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบเข้าเป็นก้อนถ่านไฟฉาย ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้
- ยางมะตอย (Asphalt) ทำหน้าที่ป้องกันการรั่วของกระแสไฟฟ้า
- แป้งสาลี หรือ แป้งมัน ผสมแล้วมีลักษณะคล้ายกาว ทำหน้าที่เป็นตัวยึดให้ก้อนขั้วบวกติดแน่นอยู่กับกระบอกสังกะสี
- กระดาษ มีหลายประเภท เช่น กระดาษเคลือบน้ำยาใช้แทนแป้ง หรือกระดาษบาง กระดาษหนา ใช้รองก้นและปิดกระบอกไฟฉาย

เซลแบบแห้ง ได้แก่
เซลแบบสังกะสี-อากาศ (Zinc Air Cell) เป็นเซลกระดุมที่มีรูให้อากาศเข้าที่ด้านล่าง ซึ่งจะใช้ออกซิเจนในการออกซิไดซ์ผงสังกะสีผสมอัลคาไลน์อิเลคทรอไลท์ซึ่งเป็นขั้วลบ
เซลแบบลิเธี่ยม (Lithium Cell) ขั้วลบเป็นลิเธี่ยม ขั้วบวกเป็นแมงกานีสไดออกไซด์ผสมกับซัลเฟอร์ไดออกไซด์หรือไธโอนิลคลอไรด์ ใช้กับงานหนักที่ต้องการแรงดันสูงกว่าปกติ

2. แบตเตอรี่น้ำ (Storage Battery)
มีส่วนประกอบคือเปลือกนอกซึ่งทำด้วยพลาสติกหรือยางแข็ง ฝาครอบส่วนบนของแบตเตอรี่ ขั้วของแบตเตอรี่ สะพานไฟ แผ่นธาตุบวก และแผ่นธาตุลบ แผ่นกั้นซึ่งทำจากไฟเบอร์กลาสที่เจาะรูพรุน ปัจจุบันแบตเตอรี่รถยนต์มี 2 แบบคือ แบบที่ต้องคอยตรวจดูระดับน้ำกรดในแบตเตอรี่ กับแบบที่ไม่ต้องตรวจดูระดับน้ำกรดเลยตลอดอายุการใช้งาน
- แผ่นธาตุ (Plates) ในแบตเตอรี่มี 2 ชนิด คือ แผ่นธาตุบวก และแผ่นธาตุลบ แผ่นธาตุบวกทำจากตะกั่วเปอร์ออกไซด์ (PbO2) และแผ่นธาตุลบทำจากตะกั่ว (Pb) วางเรียงสลับกัน จนเต็มพอดีในแต่ละเซลล์ แล้วกั้นไม่ให้แตะกัน ด้วยแผ่นกั้น
- แผ่นกั้น (Separaters) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้แผ่นธาตุบวก และแผ่นธาตุลบแตะกัน ซึ่ง จะทำให้เกิดการลัดวงจรขึ้น ซึ่งแผ่นกั้นนี้ทำจากไฟเบอร์กลาสหรือยางแข็ง เจาะรูพรุนเพื่อให้น้ำกรด สามารถไหลถ่ายเทไปมาได้ และมีขนาดความกว้างยาวเท่ากับแผ่นธาตุบวกและแผ่นธาตุลบ
- น้ำกรดหรือน้ำยาอิเล็กโตรไลต์ (Electrolyte) น้ำกรดในแบตเตอรี่รถยนต์เป็นน้ำกรดกำมะถันเจือจางคือจะมีกรดกำมะถัน (H2SO4) ประมาณ 38 เปอร์เซ็นต์ ความถ่วงจำเพาะของน้ำกรด 1.260 - 1.280 ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส น้ำกรดในแบตเตอรี่เป็นตัวที่ทำให้แผ่นธาตุลบเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจนเกิดกระแสไฟฟ้าและแรงเคลื่อนไฟฟ้าขึ้นมาได้
- เซลล์ (Cell) คือช่องที่บรรจุแผ่นธาตุบวก แผ่นธาตุลบ ที่วางสลับกัน กั้นด้วยแผ่นกั้น แล้วจุ่มในน้ำกรด ในช่องหนึ่งจะมีแรงเคลื่อนไฟฟ้า 2.1 โวลต์ ก็จะมีเซลล์ 6 เซลล์ และในแต่ละเซลล์ก็จะมีส่วนบนเป็นที่เติมน้ำกรดและมีฝาปิดป้องกันน้ำกรดกระเด็นออกมา และที่ฝาปิดก็จะมีรูระบายก๊าซไฮโดรเจนที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีให้ระบายออกไปได้
- ฝาปิดเซลล์ (Battery Cell Plug) หรือฝาปิดช่องเติมน้ำกรด ฝานี้จะมีรูระบายก๊าซไฮโดรเจนที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีภายในแบตเตอรี่ให้สามารถระบายออกไปได้ ถ้าไม่มีฝาระบายนี้ เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีก๊าซไฮโดรเจนจะไม่สามารถระบายออกไปได้ ทำให้เกิดแรงดัน ดันจนแบตเตอรี่เกิดระเบิดขึ้นได้
แบตเตอรี่ใหม่ๆ ที่ยังไม่มีน้ำกรด ที่ฝาปิดจะมีกระดาษกาวปิดไว้เพื่อป้องกันความชื้นเข้าไปในแบตเตอรี่ ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เมื่อเติมน้ำกรดเข้าไปแล้วทำการประจุไฟนำมาใช้งาน กระดาษกาวที่ปิดนี้จะต้องแกะออกให้หมด เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่เกิดระเบิดขึ้นได้









วัตถุดิบที่ใช้ในการผสมเป็นสารขั้วบวก ได้แก่
- แมงกานิส ไดออกไซด์ (Manganese Dioxide) ทำหน้าที่ให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น
- แอมโมเนียม คลอไรด์ (Ammonium Chloride) ทำให้กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นมีความสว่าง (ขาวนวล)
- เมอร์คิวริค คลอไรด์ (Mercuric Chloride) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้แผ่นสังกะสีเกิดการกัดกร่อนเร็วเกินไป
- อะเซททีลีน แบล็ค (Acetylene Black) ทำหน้าที่เพิ่มความดันและความเข้มของกระแสไฟฟ้า
-แท่งคาร์บอน (Carbon Rod) มีลักษณะเป็นแท่งกลม ทำหน้าที่เป็นขั้วบวก
-ซิงค์ คลอไรด์ (Zinc Chloride)
- ซิงค์ ออกไซด์ (Zinc Oxide)
- คาร์บอน แบล็ค (Carbon Black)
- กราไฟท์ (Graphite)

เซลแบบสังกะสี-ถ่าน (Zinc Carbon Cell) ตัวถังทำ ด้วยสังกะสีเป็นขั้วลบ ภายในเป็นชั้นบางๆ บรรจุส่วนผสม ของุแอมโมเนียม คลอไรด์และซิงค์คลอไรด์ ส่วนขั้วบวก ใช้ผงแมงกานิสไดออกไซด์ผสมผงถ่านแกนกลางเป็น แท่งถ่านเพื่อสะสมกระแสภายนอกตัวถังห่อด้วยกระดาษ หลายชั้นและหุ้มชั้นนอกสุดด้วยแผ่นพลาสติกบางๆ
เซลแบบอัลคาไลน์แมงกานีส (Alkaline Manganese Cell) ตัวถังทำจากเหล็ก ใช้ผงสังกะสี ทำขั้วลบเพื่อเพิ่ม พื้นที่ผิว ส่วนขั้วบวกทำจาก แมงกานิสไดออกไซด์ผสม โปตัสเซี่ยมไฮดรอกไซด์ซึ่งเป็นอัลคาไลน์อิเลคทรอไลท์ เหมาะสำหรับงานหนักที่ใช้กระแสสูง
เซลแบบกระดุม (ฺButton Cell) ตัวเซลทำจากเหล็ก ชุบนิเกิ้ล ผิวหน้าด้านบนภายในเซลเป็นทองแดง ขั้วบวก ทำจากออกไซด์ของปรอทกับกราไฟท์ ส่วนขั้วลบใช้ผงสังกะสี ผสมโปตัสเซียมไฮดรอกไซด์ ใช้ในเครื่องคิดเลข นาฬิกาข้อมือ อุปกรณ์ถ่ายรูป
เซลแบบซิลเวอร์ออกไซด์ (Silver Oxide Cell) มีโครงสร้างเหมือนเซลกระดุมแบบปรอท แต่ขั้วบวกทำจาก ออกไซด์ของเงิน ใช้ในงานที่กระแสสูงๆ เช่นอุปกรณ์ที่มีตัวแสดงผลเป็น LED

เคล็ดลับน่ารู้ กับ ชาร์จแบตเตอรี่ (battery)มือถือ
ชาร์จบ่อย ชาร์จถี่ ...แบตเตอรี่ (battery)หมดอายุใช้งานเร็ว โรงงานส่วนใหญ่ ออกแบบชาร์จได้ประมาณ 300-400 ครั้ง ชาร์จมากเกินกว่านั้น แบตเตอรี่ (battery)จะเสื่อม...หมดอายุใช้งาน
คนละอย่างกับแบตเตอรี่รุ่นเก่า นิกเกิล-แคดเมียม ที่แบตเตอรี่ชาร์จเต็ม ใช้ไม่หมด เอาไปชาร์จจะทำให้แบตเตอรี่ (battery)เสื่อมเร็ว เสื่อม เร็วเพราะแบตเตอรี่ (battery)รุ่นเก่ามีวงจรที่เรียกว่า memory effect ถ่านเต็มก้อนใช้ไม่หมด ใช้ไปแค่ครึ่งเดียว พอนำไปชาร์จใหม่เติมให้เต็ม...ไฟที่ถูกเอามาใช้เลี้ยงโทรศัพท์...จะเป็นไฟ ส่วนที่ชาร์จ เข้าไปใหม่ ไฟเก่าที่เหลือค้างอยู่ในแบตเตอรี่ (battery) ไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน...ใช้ไปแป๊บเดียวแบตเตอรี่ (battery)หมด แบตเตอรี่ (battery)หมดเร็วต้องชาร์จบ่อย...เราก็คิดว่าถ่านเสื่อม ซื้อใหม่เปลืองเงิน ใช้ ถ่านรุ่นเก่า อยากจะถนอมแบตเตอรี่ (battery) ผู้รู้บอก ให้ชาร์จกับแท่นชาร์จรุ่นที่มีระบบ recondition หรือระบบล้างไฟให้หมดก้อน...ล้างหมดแล้วชาร์จให้ใหม่ทันที ส่วนผู้ใช้แบตเตอรี่ (battery)รุ่นใหม่ ลิเทียม-ไอออน อยากจะถนอมแบตเตอรี่ (battery)ไม่ให้เสื่อมเร็ว รู้กันไปแล้ว ชาร์จครบ 300-400 ครั้ง ถ่านหมดอายุ ฉะนั้นวิธีถนอมแบตเตอรี่ (battery)ง่ายๆ... อย่า ชาร์จบ่อย โดยไม่จำเป็น ใช้จนหมดแล้วค่อยชาร์จ แต่ที่สำคัญ...เวลาชาร์จ ต้องระวังให้ดี ประเภทปลั๊กไฟที่บ้านไม่ค่อยดี ปลั๊กหลวม...ขยับนิดขยับหน่อย เดี๋ยวติด เดี๋ยวดับ ปลั๊กไฟหลวมแบบนี้...อย่าเอามาใช้ ชาร์จแบตเตอรี่ (battery)โทรศัพท์ มือถือ! เพราะอะไรนั่นหรือคะ ปลั๊กหลวมเดี๋ยวติด โดนนิดโดนหน่อยเดี๋ยวดับ...ไฟติดๆ ดับๆ เสียบชาร์จไฟเข้า ...นับเป็นชาร์จ 1 ครั้ง ปลั๊กหลวม ไฟดับ ขยับแล้วติด...นับเป็นชาร์จครั้งที่ 2...ติดๆ ดับๆ 10 ครั้ง... นับเป็นชาร์จ 10 ครั้งค่ะ ชาร์จทำให้แบตเตอรี่ (battery)หมดอายุเร็ว อีกอย่าง... ชอบชาร์จแบตเตอรี่ (battery)ในรถ ขับ รถ เสียบชาร์จแบตเตอรี่ (battery)ในรถ ขับมาได้สักพักจอดรถดับเครื่อง นับเป็นชาร์จครั้งแรก...ทำธุระเสร็จ แบตเตอรี่ (battery)ยังเสียบคาอยู่ในรถ สตาร์ตเครื่องออกรถ นับเป็นชาร์จครั้งที่ 2 และที่เป็นปัญหาทำให้แบตเตอรี่ (battery)เสื่อมเร็วที่สุด คือ ชาร์จแบตเตอรี่ (battery)ในช่วงสตาร์ตเครื่องรถ.... ปัญหาก็คล้ายๆกับปลั๊กหลวมนั่นแหละค่ะ รถ ยังไม่ได้สตาร์ตเครื่อง แต่เสียบชาร์จแบตเตอรี่ (battery)

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการพ่วงแบตเตอรี่ (battery)
เคยได้ยินไมครับพ่วงแบตเตอรี่ (battery)สิ หรือไม่ก็ jump start จริงๆแล้วที่ถูกต้องต้องทำการ jump start ครับ เหตุผลเพราะเราต้องการกระแสไฟจากแหล่งจ่ายภายนอกตัวรถน่ะสิ อ้าว แล้ว jump start ทำไงเนี่ย ก็ไม่ยากครับ ก็แทนที่เราจะนำสายไฟจะรถคันอื่นมาคีบที่แบตเตอรี่ (battery)ของรถเราทั้งขั้วบวกและขั้วลบ เราก็เอาขั้วบวกคีบที่แบตเตอรี่ (battery)ของรถเราปรกติ แต่ขั้วลบเราต้องเอาคีบที่เหล็กที่เป็นเครื่องยนต์ของเราแทนทำไมถึงเป็นอย่างงั้นล่ะ ก็จริงๆๆรถของเราจริงๆ กระแสไฟจะวิ่งเป็น 2 loop ครับ
loop ที่ 1 จะเป็น Loop ของเครื่องยนต์ loop ที่ 2 จะเป็น loop ของตัวถังรถครับ
อ้าว แล้วทำไมฟ่ะ เด๋วดิ ก็จะบอกว่าเกี่ยวกับความต้านทานของ loop ทั้งสอง loop เนี่ยมันต่างกันครับ ความต้านทานของตัวถังที่เป็นเหล็กเหนียวก็ค่าค่าหนึ่ง ส่วนเครื่องยนต์ บางแบบก็เป็นอลูมินั่ม บางแบบก็เป็นเหล็กหล่อก็ค่าค่าหนึ่ง แล้วไงต่อดีก็เวลาที่เราต้อง การสตาร์ดรถในกรณีไฟรถเราหมด เราก็ต้องการเพียงแค่ loop ของเครื่องยนต์ใช่ไหมล่ะ เราก็เอาไฟบวกของแหล่งจ่ายอื่นไปคีบที่แบตเตอรี่ (battery)รถเรา แล้วไฟลบจะแหล่งจ่ายอื่นและก็ไปคีบกับตัวเครื่องยนต์ ย้ำน่ะ เครื่องยนต์น๊าแล้วถ้าคีบที่แบตเตอรี่ (battery)ทั้งสองขั้วมีไรป่าวล่ะ ก็ลองดูก็ได้ครับเพราะอย่างที่บอกนั้นแหละไฟเราแค่ต้องการใน Loop ของเครื่องยนต์เท่านั้นครับ ถ้าคีบที่แบตเตอรี่ (battery)ก็ได้แต่
-เราต้องรอให้กระแสไฟวิ่งเข้าแบตเตอรี่ (battery)เราส่วนหนึ่งก่อนถึงจะมีกำลังพอที่จะมาจ่ายที่ไดสตาร์ดเพราะมันต้องวิ่งไปทั่วคันด้วย
-การที่สตาร์ดโดยมากเราจะเร่งเครื่องยนต์ด้วยโดยหวังว่าแบตเตอรี่ (battery)จะถูกชาร์ตอย่างรวดเร็ว
*** ตรงนี้แหละครับที่เด็ดสุดแบตเตอรี่ (battery)ที่ไม่มีไฟจะได้รับไฟจากสองแหล่งจ่ายค่าได้รับ กระแสไฟมากจะบางครั้งระเบิด เพราะความถ่วงจำเพาะของอิเลคโตรไลค์ส่วนหนึ่งด้วย***
** การที่เราต่อเฉพาะ loop ของเครื่องยนต์ถึงแม้จะเร่งเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ (battery)ที่ถูกพ่วงก็จะได้รับไฟจากแหล่งจ่ายเดียวเท่านั้นครับ**
อ้าว แล้ว พ่วงแบตเตอรี่ (battery)อ่ะ ใครเรียกว้า การพ่วงแบตเตอรี่ (battery)จริงๆๆแล้วทำได้ที่เครื่องชาร์ตเท่านั้นนะครับ โดยเราจะต่อแบตเตอรี่ (battery)ที่ความจุมากไว้ก่อนแล้วถึงขนานแบตเตอรี่ (battery)ที่ความจุน้อยลงมาเรื่อยๆ เพื่อให้มี load เอแล้วดีไงเนี่ย อ้าวก็ดีดิ แบตเตอรี่ (battery)ที่ได้รับการประจุกระแสช้าๆจะเต็มกว่าการประจุกระแสอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว (ดูมือถือดิ ชาร์ตเร็วชาร์ตช้าก็ต่างกันเห็นๆ)
การพ่วงแบตเตอรี่ (battery)เป็นศัพท์ เทคนิคแบบช่างบ้านๆ ที่เรียกกัน ช่างบ้านๆเข้าใจว่าการนำแหล่งจ่ายเข้าไปต่อพ่วงเรียกว่าพ่วงแบตเตอรี่ (battery)ทุกกรณี คำว่าพ่วงแบตเตอรี่ (battery)จึงมีมาด้วยประการละฉะนี้

















5.พลังงานน้ำ
น้ำเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิ ความกดดันของบรรยากาศและแรงจากการหมุนของโลก สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเร็วน้ำและกำลังน้ำเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าน้ำเป็นพลังงานรูปหนึ่งที่มีอยู่ในตัวเอง
ในปัจจุบันมนุษย์จึงได้ให้ความสำคัญและนำพลังงานจากน้ำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากพลังงานน้ำมีอยู่โดยทั่วไป ไม่ต้องซื้อหา เป็นพลังงานที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อม และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น
กังหันน้ำแห่งหนึ่ง เปลี่ยนพลังงานน้ำมาเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำเป็นพลังงานตามธรรมชาติที่เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิ ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเอาพลังงานน้ำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากพลังงานน้ำไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายในการซื้อหาแต่อย่างเหมือนกับพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ในประเทศไทย บางพื้นที่ยังมีปัญหาในการวิจัยพัฒนานำเอาพลังงานน้ำมาใช้งานเนื่องจากปริมาณของน้ำไม่สม่ำเสมอตลอดปี แต่ก็ยังคงมีพื้นที่บางพื้นที่สามารถนำเอาพลังงานน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ซึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยในการเปลี่ยนจากพลังงานน้ำออกมาเป็นพลัง งานในรูปอื่น ๆ เช่น พลังงานไฟฟ้า หรือ พลังงานกล





6.มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (D.C. Motor)
มอเตอร์ คือ เครื่องกลไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล มอเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ( DC Motor ) และมอเตอร์ ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Motor) ในที่นี่จะกล่าวถึงเฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง ( DC Motor ) เท่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงนั้นจะใช้ในงานในด้านการขับเคลื่อนในแบบต่าง ๆ ที่มีอัตราเร็วไม่สูงมากนัก เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงนั้นมีแรงบิดเริ่มต้นที่สูง (starting torque) สามารถควบคุมควบคุมอัตราเร็วได้ค่อนข้างง่าย แต่มีข้อเสียคือมีโครงสร้างที่ค่อนข้างซับซ้อนมากจึงจำไม่เหมาะที่จะใช้ในงานที่มีอัตราเร็วค่อนสูงมาก ๆ


รูปภาพ(a)โครงสร้างของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง[11]
โครงสร้างของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (D.C. Motor) ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนที่อยู่กับที่ และ ส่วนที่เคลื่อนที่
ส่วนที่อยู่กับที่
เฟรม คือ เป็นโครงสร้างภายนอก ที่เรามองเห็นเป็นตัวมอเตอร์ จะทำหน้าที่เป็นเส้นทางเดินของสนามแรงแม่เหล็ก และเป็นที่ยึดส่วนต่าง ๆ ให้แข็งแรง
ขั้วแม่เหล็ก จะประกอบด้วย แกนขั้วแม่เหล็ก ส่วนนี้จะติดอยู่กับเฟรมและขดลวดสนามแม่เหล็ก (Field coil) ที่พันรอบ ๆ แกนขั้วแม่เหล็ก จะทำหน้าที่รับกระแสจากภายนอก และสร้างสนามแม่เหล็ก ซึ่งจะทำให้เกิดแรงบิดขึ้น (Torque)


รูปภาพ(b)ขั้วแม่เหล็กและขดลวดแม่เหล็กที่ยึดติดกับเฟรม[11]
ส่วนที่เคลื่อนที่
ส่วนที่เคลื่อนที่หรือโรเตอร์ (rotor) จะมีขดลวดอาร์เมเจอร์(Armature Winding )ที่พันอยู่บนแกนเหล็กอาร์เมเจอร์ (Armature core) และมีคอมมิวเตเตอร์ยึดติดอยู่ที่ปลายของขดลวดอาร์เจอร์ ดังรูป


รูปภาพ(c)โรเตอร์ของมอเตอร์กระแสตรง [11]
ซึ่งในส่วนนี้ คอมมิวเตเตอร์จะทำหน้าที่ในการสัมผัสกับแปรงถ่านคาร์บอน (Carbon Brushes)ที่อยู่ในมอเตอร์เพื่อที่จะให้มีกระแสไหลผ่านไปยังขดลวดอาร์เมเจอร์ ทำให้เกิดการสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นเพื่อให้เกิดการหักล้างและเสริมกันกันกับสนามแม่เหล็กที่เกิดจากขดลวดแม่เหล็ก ซึ่งจะทำให้มอเตอร์หมุนได้
หลักการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (D.C. Motor) เมื่อมีกระแสไหลผ่านเข้าไปในมอเตอร์กระแสจะแบ่งออกไป 2 ทาง คือ ส่วนที่หนึ่งจะผ่านเข้าไปที่ขดลวดสนามแม่เหล็ก (Field coil) ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้นและอีกส่วนหนึ่งจะผ่านแปลงถ่านคาร์บอนและผ่านคอมมิวเตเตอร์เข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้นเช่นกัน ซึ่งทั้งสองสนามจะเกิดขึ้นขณะเดียวกัน ตามคุณสมบัติของเส้นแรงแม่เหล็กแล้วจะไม่มีการตัดกัน จะมีแต่การหักล้างและการเสริมกัน ซึ่งทำให้เกิดแรงบิดในอาร์เมเจอร์ ทำให้อาร์เมเจอร์หมุนซึ่งในการหมุนนั้นจะเป็นไปตามกฎมือซ้ายของเฟลมมิ่ง (fleming’s left hand rule)

รูปภาพ(d)แสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของอาร์เมเจอร์ (โรเตอร์) [11]
รายละเอียดพื้นฐานของมอเตอร์
รายละเอียดพื้นฐานของมอเตอร์ที่จะนำมาพิจารณาเลือกใช้กับงานต่าง ๆ ที่จะกล่าวถึงมีอยู่ 4 อย่าง คือ แรงดันไฟฟ้า (voltage) การไหลของกระแส (current dawn) ความเร็ว (speed) แรงบิด (torque)
แรงดันไฟฟ้า (voltage)
มอเตอร์ทุกตัวจะมีแรงดันไฟฟ้าใช้งานที่แตกต่างกันตามคุณสมบัติของมอเตอร์แต่ละตัวที่ผู้ผลิตกำหนดมาเช่น มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง 12 โวลต์ เป็นต้น สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงนั้นสามารถใช้ไฟกระแสตรงหรือกระแสสลับก็ได้ แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับจะใช้ไฟกระแสสลับเท่านั้น และแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายให้กับมอเตอร์จะมีผลต่ออัตราเร็วและแรงบิดของมอเตอร์คือ ถ้าหากแรงดันไฟฟ้ามากอัตราเร็วและแรงบิดของมอเตอร์ก็จะมากด้วย

การไหลของกระแส
ในการไหลของกระแสนั้นจะกล่าวถึงในกรณีที่มอเตอร์ได้รับกระแสจากแหล่งจ่าย ในกรณีที่มอเตอร์ไม่ได้ต่อกับโหลดใด ๆ นั้นจะมีกระแสไหลผ่านน้อย แต่ในกรณีที่มีการใช้งานต่อกับโหลดจะมีปริมาณกระแสที่เพิ่มมากขึ้น การไหลของกระแสนั้นมีความจำเป็นเพราะถ้าหากกระแสไม่พอแล้วมอเตอร์ก็จะไม่มีกำลังเพียงพอสำหรับการขับโหลด และกระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้กับมอเตอร์จะมีผลต่ออัตราเร็วและแรงบิดของมอเตอร์ด้วย คือ ถ้าหากจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์มากอัตราเร็วและแรงบิดของมอเตอร์ก็จะมากด้วย
อัตราเร็ว
ส่วนใหญ่มอเตอร์กระแสตรงจะมีอัตราเร็วปกติที่ 4000-7000 รอบต่อนาที ซึ่งอัตราเร็วของมอเตอร์สามารถลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ถ้าหากต้องการใช้งานที่ต้องการความเร็วมากก็ต้องเลือกมอเตอร์ที่มีอัตราเร็วสูง เป็นต้น
แรงบิด
เป็นแรงที่มอเตอร์กระทำกับโหลดในการพิจารณาเลือกมอเตอร์นั้นถ้าหากมีแรงบิดน้อยจะใช้งานได้กับโหลดที่ไม่หนักมากแต่ถ้ามีแรงบิดมากสามารถใช้งานกับโหลดที่มีน้ำหนักมากได้
ในการพิจารณาเลือกใช้งานมอเตอร์จึงจำเป็นต้องรู้ข้อมูลพื้นฐานของมอเตอร์เพื่อที่จะเป็นข้อพิจารณาในการเลือกใช้งานต่อไป


7.แม่เหล็กและแม่เหล็กไฟฟ้า
ความสำคัญของแม่เหล็กและแม่เหล็กไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ให้กำลังงานและแสงสว่างนั้น ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แม่เหล็กไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น
-ชนิดของแม่เหล็ก
. 1) แม่เหล็กธรรมชาติ หมายถึง แม่เหล็กที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นออกไซด์ของเหล็ก (Fe3O4) ลักษณะของแม่เหล็กธรรมชาติจะมีรูปร่างไม่แน่นอน
........... . 2) แม่เหล็กประดิษฐ์ ได้แก่ แม่เหล็กที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น ซึ่งจำแนกออกเป็น 2 ชนิด คือ แม่เหล็กถาวร และแม่เหล็กชั่วคราว
...................................ก) แม่เหล็กถาวร หมายถึง แม่เหล็กที่แสดงอำนาจการเป็นแม่เหล็กนาน รูปร่างลักษณะแล้วแต่ลักษณะการใช้งาน เช่นเป็นรูปเกือกม้า สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรืออื่น ๆ
.................................. ข) แม่เหล็กชั่วคราว หมายถึง แท่งแม่เหล็กที่แสดงจำนวนการเป็นแม่เหล็กในช่วงระยะเวลาที่ต้องการจะให้เป็นแม่เหล็กเท่านั้น เช่น แม่เหล็กที่เกิดจากการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า ตัวอย่างแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ออดไฟฟ้า ไมโครโฟน มอเตอร์ที่ยกของตามท่าเรือ

-- ขั้วแม่เหล็ก มี 2 ขั้ว คือ
ขั้วเหนือกับขั้วใต้ โดยที่ขั้วเหนือจะชี้ไปทางทิศเหนือ ขั้วใต้จะชี้ไปทางทิศใต้
- แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnets)หมายถึงอำนาจแม่เหล็กที่เกิดจากการที่กระแสไฟฟ้า ไหลผ่านในวัตถุตัวนำหมายความว่าถ้าปล่อยให้กระแสไฟฟ้าไหลในวัตถุให้เกิดสนามแม่เหล็กรอบ ๆ ตัวนำ





- คุณสมบัติของแม่เหล็ก
1. ถ้าแขวนแท่งแม่เหล็กให้เคลื่อนที่อย่างอิสระ เมื่อหยุดนิ่ง แล้วจะชี้ตามแนวทิศ เหนือทิศใต้
2. สามารถดูดสสารแมกเนส์ติกได้
3. ขั้วเหมือนกันเข้าใกล้กันจะเกิดแรงผลักกัน และขั้วต่างกันเมื่อเข้าใกล้กันจะเกิดแรงดูด
4. อำนาจแรงดึงดูดจะมีมากที่สุดที่บริเวณขั้วทั้งสองแม่เหล็ก
5. เส้นแรงแม่เหล็กมีทิศทางออกจากขั้วเหนือไปยังขั้วใต้

- กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ........ จากการทดลองของแมกซ์เวล, เจมส์ คลาร์ก พบว่า ถ้านำแท่งแม่เหล็กเคลื่อนที่ เข้า-ออก ระหว่างขดลวด จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ



ขดที่ต่อกับไฟฟ้ากระแสสลับเรียกว่า ขดลวดปฐมภูมิ ขดลวดที่ต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าเรียกว่า ขดลวดทุติยภูมิ ถ้าจำนวนรอบของขดลวดปฐมภูมิมากกว่าจำนวนรอบของขดลวดทุติยภูมิ เรียกว่า หม้อแปลงไฟฟ้าลง แต่ถ้าจำนวนรอบของขดลวดปฐมภูมิน้อยกว่าจำนวนขดลวดทุติยภูมิ เรียกว่า หม้อแปลงไฟฟ้าขึ้น
________________________________________
อุปกรณ์ที่ใช้แม่เหล็กไฟฟ้า
แม่เหล็กไฟฟ้าสามารถสร้างอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้หลายอย่าง เช่น
1. สวิตช์แม่เหล็ก
......... เป็นสวิตช์ที่ใช้กับวงจรมอเตอร์ต่าง ๆ ในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ขนาดใหญ่ และมอเตอร์ชนิด 3 เฟส สวิตช์แม่เหล็กจะทำหน้าที่ตัดและต่อวงจรไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลดความรุนแรงของการเกิดประกายไฟ เนื่องจากการติดต่อวงจรไฟฟ้า


2. เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker)
............. เซอร์กิตเบรกเกอร์ หรือเรียกชื่อย่อว่า ซี บี เป็นตัวตัดต่อวงจรไฟฟ้าภายในบ้านหรือภายในอาคารสำนักงานได้อย่างฉับพลัน เพราะตัวเซอร์กิตเบรกเกอร์นี้ ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ความร้อน และอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้า เป็นตัวควบคุมให้ตัดวงจรโดยอัตโนมัติเมื่อวงจรไฟฟ้านั้น ๆ
ลัดวงจร ก่อนจะเกิดอันตราย หรือก่อนทำให้อาคารเกิดไฟไหม้ได้




แม่เหล็กและแม่เหล็กโลก
แม่เหล็ก (magnet) คือ ของแข็งชนิดหนึ่งที่มีสมบัติดูดโลหะบางชนิดได้
แร่แม่เหล็ก คือ สารประกอบประเภทออกไซด์ชนิดหนึ่งของเหล็กที่เกิดตามธรรมชาติ มีชื่อเรียกว่าแมกนีไทต์ (Fe3O4)
สารแม่เหล็ก คือ สารที่มีสมบัติถูกแม่เหล็กดูดได้ และมนุษย์สามารถทำให้กลายเป็นแม่เหล็กได้ ตัวอย่างของสารแม่เหล็ก เช่น เหล็ก นิเกิล โคบอลต์ แมงกานีส


สมบัติบางประการของแม่เหล็ก มีดังนี้
1. วางตัวในแนวทิศเหนือและทิศใต้
2. มีขั้วแม่เหล็ก 2 ขั้ว คือขั้วมุ่งทิศเหนือ เรียกสั้นๆ ว่า ขั้วเหนือ สัญลักษณ์ N ขั้วมุ่งทิศใต้ เรียกสั้นๆ ว่า ขั้วใต้ สัญลักษณ์ S
3. ขั้วแม่เหล็กชนิดเดียวกันจะออกแรงผลักกัน ขั้วแม่เหล็กชนิดต่างกันจะดูดกัน


รูป แม่เหล็กวางตัวในแนวทิศเหนือ ทิศใต้
4. แม่เหล็กจะส่งอำนาจแม่เหล็กออกไปรอบขั้ว ตรงปลายแท่งแม่เหล็ก จะมีอำนาจแม่เหล็กสูงสุด และลดน้อยลงเมื่อถัดเข้ามา และไม่แสดงอำนาจแม่เหล็กตรงกึ่งกลางแท่งแม่เหล็ก
5. แม่เหล็กส่งอำนาจแม่เหล็กไปได้รอบขั้วในลักษณะสามมิติ
6. สนามแม่เหล็ก คือบริเวณรอบๆ แท่งแม่เหล็กที่แม่เหล็กสามารถส่งอำนาจแม่เหล็กไปถึง
สนามแม่เหล็ก หมายถึง บริเวณรอบๆ แท่งแม่เหล็กที่แม่เหล็กสามารถส่งอำนาจแม่เหล็กไปถึง

รูป ใช้ผงตะไบเหล็กหาเส้นแรงแม่เหล็ก
สนามแม่เหล็กโลก หมายถึง โลกมีสมบัติแม่เหล็ก บริเวณขั้วโลกเหนือทางภูมิศาสตร์และลึกลงไปจากผิวโลกเปรียบเสมือนมีขั้วแม่เหล็กขนาดใหญ่และเป็น ขั้วแม่เหล็กชนิดขั้วใต้ หรือบางครั้งเรียกว่า ขั้วแม่เหล็กโลกทางทิศเหนือ และบริเวณขั้วโลกใต้ทางภูมิศาสตร์เปรียบเสมือนมีขั้วแม่เหล็กชนิดขั้วเหนือ สนามแม่เหล็กโลกเกิดจากหินหนืดในแก่นโลกชั้นนอก และในส่วนล่างของแมนเทิลไหลวนทำให้มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ คือเกิดกระแสไฟฟ้าไหลวนประมาณ 10,000 ล้านแอมแปร์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่เกิดสนามแม่เหล็กหุ้มห่อโลก







บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
1 ขั้นการศึกษาโครงงาน
ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
เขียนโครงการ
เสนอโครงการเพื่อความเห็นชอบ
2 ขั้นการวางแผนโครงงาน
กำหนดชื่อโครงงาน
เขียนจุดประสงด์
ออกแบบโครงสร้าง
3 ขั้นตอนการทดลองใช้
ตรวจสอบทดลองใช้
ปรับปรุงแก้ไข
ในการดำเนินโครงงานนั้นต้องปฏิบัติไปตามขั้นตอนการทำงานโดยเริ่มตั้งแต่ข้อแรกและทำตามขั้นตอนการทำงาน ตามหัวข้อที่วางแผนการไว้
ขั้นการศึกษาโครงงาน
1.1 ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาข้อมูล เป็นหัวข้อแรก
1.2 เขียนโครงการ
ในการเขียนดรงงานเพื่อเสนอขอวามเห็นชอบ
1.3 เสนอโครงการเพื่อความเห็นชอบ
เสนอโครงการต่ออาจารย์ผู้สอน
2.ขั้นการวางแผนดำเนินงาน

3.ขั้นการทดสอบ ทดลองใช้















บทที่ 4
ผลของโครงการ
การทำโครงงาน ชนิดนี้ได้ผลที่

























บทที่ 5
สรุป อภิปราย ข้อเสนอแนะ
สรุป
โครงงานในการทดลอง
อภิปรายผล
หลังจากที่ไดตัดสินใจกระทำโครงงาน
ข้อเสนอแนะ
1 นำไปใช้ในการเรียนการสอนนักเรียนจริง ๆ และประเมินโครงงาน
2 หากผู้ใดสนใจโครงงานชนิดนี้ หรือต้องการที่ปรับปรุงใหม่ ก็ให้ศึกษาดูภาคนิพจน์ ฉบับนี้หรือถ้าไม่เข้าใจศึกษาจากภาอ้างอิง

























บรรณานุกรม
www.google.com




























ภาคผนวก ก.












คือว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในงานวงจรและอื่นๆ
ภาคผนวก ข



ประวัติ

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล นายอังคาร เพชรมาตรศรี
วันเกิด 30 มีนาคม 2533
สถานที่เกิด จังหวัดนครศรีธรรมราช
เชื้อชาติ ไทย
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ
ที่อยู่ปัจจุบัน หมู่ 6 ตำบลชะมาย อำเภอทุ่งสง
จังหวัดนครศรีธรรมราช 80110


ประวัติการศึกษา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) กำลังศึกษาอยู่วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง
ปี พ.ศ 2553
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง
ปี พ.ศ 2550
มัธยม โรงเรียนบ้านวังหีบ
ประถมศึกษา โรงเรียนกาญจนศึกษา


ประวัติ
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล นายภูวนัตถ์ จันทร์ เมืองไทย
วันเกิด 28 มกราคม 2533
สถานที่เกิด จังหวัดนครศรีธรรมราช
เชื้อชาติ ไทย
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ
ที่อยู่ปัจจุบัน 140 หมู่ 7 ตำบลเขาโร อำเภอทุ่งสง
จังหวัดนครศรีธรรมราช 80110
ประวัติการศึกษา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) : กำลังศึกษาอยู่วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง
ปี พ.ศ 2553
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) : วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง
ปี พ.ศ 2550
มัธยม : โรงเรียนทุ่งสงวิทยา
ปี พ.ศ 2547
ประถมศึกษา : โรงเรียนบ้านหนองท่อม
ปี พ.ศ 2541

ประวัติ

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล ชูเกียรติ กุ้งทอง
วันเกิด 9 เมษายน 2532
สถานที่เกิด จังหวัดกระบี่
เชื้อชาติ ไทย
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ
ที่อยู่ปัจจุบัน 6/3 หมู่ 3 ตำบล ทุ่งไทรทอง อำเภอลำทับ
จังหวัดกระบี่ รหัสไปรษณีย์ 81120

ประวัติการศึกษา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) กำลังศึกษาอยู่วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาลัยการอาชีพคลองท่อม
มัธยม โรงเรียนลำทับประชานุเคราะห์
ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านลำลับ





ประวัติ

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล สุวัฒน์ สุดวิลัย
วันเกิด 27 มีนาคม 2533
สถานที่เกิด จังหวัดนครศรีธรรมราช
เชื้อชาติ ไทย
สัญชาติ ไทย
ศาสนา พุทธ
ที่อยู่ปัจจุบัน 171 หมู่ 8 ตำบลกุแหระ อำเภอทุ่งใหญ่
จังหวัดนครศรธรรมราช 80110

ประวัติการศึกษา
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) กำลังศึกษาอยู่วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาลัยการอาชีพคลองท่อม
มัธยม โรงเรียนบ้านหนองจูด
ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านหนองจูด

















สารบัญภาพประกอบ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 มกราคม 2565 เวลา 07:55

    10 Best Online Casinos For 2021
    Top 10 Real Money Casinos — #1: Wild Casino · #2: Microgaming Casino septcasino · 인카지노 #3: Bovada Casino · #4: Slot88 Casino · #5: Cafe 온카지노 Casino · #6: Ignition Casino · #7: BoVegas

    ตอบลบ